E-Business Strategy คืออะไร?
Strategy คือ การกำหนดกลยุทธ์
ทิศทางการปฏิบัติในอนาคต เพื่อที่จะตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าองค์กรจะทำอะไร
เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กรที่วางไว้
E-Strategy คือ วิธีการที่จะทำให้องค์กรบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
โดยการนำเอาการสื่อสารระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้งานด้วย
ทั้งการสื่อสารภายในองค์กรและการสื่อสารภายนอกองค์กรด้วย
Business Strategy คือ กลยุทธ์ที่จะทำให้แบบจำลองทางธุรกิจ
เป็นจริงได้ ทำยังไงให้การสร้างมูลค่านั้นเป็นจริงได้
แล้วทำยังไงที่จะส่งมูลค่านั้นให้กับลูกค้าได้ดีที่สุด ซึ่งการทำธุรกิจด้านอิเล็กทรอนิกส์ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างธุรกิจออนไลน์
แต่เป็นการสร้างธุรกิจที่มีความแตกต่าง มี 4 ขั้นตอนดังนี้
1) กลยุทธ์การประเมิน (Strategy
evaluation)
2) กลยุทธ์การวางแผนวัตถุประสงค์ (Strategy
objectives)
3) กลยุทธ์การกำหนดนิยาม (Strategy
definition)
4) กลยุทธ์การดำเนินงาน (Strategy
implementation)
กลยุทธ์ของธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ (E-Business
Strategies)
กลยุทธ์เป็นตัวกำหนดทิศทางและการดำเนินงานด้านต่างๆ
ขององค์กร กลยุทธ์เป็นเสมือนกับเหตุผลและความมุ่งหมายขององค์กร
ปัจจัยสำคัญของกลยุทธ์ที่สามารถนำมาใช้ได้ คือ
-
ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เป็นอยู่ในตลาดขณะนี้หรือไม่
- กำหนดนิยามว่าจะไปถึงวัตถุประสงค์ที่วางไว้อย่างไร
- กำหนดการจัดสรรทรัพยากรเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
-
เลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมเพื่อที่จะได้เปรียบคู่ค้าในตลาด
- จัดหาแผนงานระยะยาวเพื่อพัฒนาองค์กร
องค์ประกอบที่สำคัญของกลยุทธ์ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์คือการสร้างช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ให้กับองค์กร ซึ่งจะช่วยในการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนหรือเหมาะสม
Relationship between E-Business Strategy and other
strategies
Corporate strategy คือ ภาพรวมขององค์กรทั้งหมด
E-Business Strategy คือ กลยุทธ์ขององค์กร
ซึ่งจะไปเกี่ยวข้องกับ SCM strategy และ Marketing/CRM strategy
E-Channel strategy ย่อมาจาก Eletronic channels คือ การสร้างช่องทางใหม่ ๆ
ในการกระจายสินค้า ทั้งจากลูกค้าและคู่ค้า
โดยใช้อิเล็กทรอนิกส์และสารสนเทศเข้ามาจัดการให้ดีขึ้นและสามารถทำงานได้อย่างสะดวกและราบรื่น
A generic strategy process model
Strategy process models for E-Business
Strategy Formulation คือ ลำดับขั้นตอนของการวางกลยุทธ์อิเล็กทรอนิกส์
- การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกเพื่อหาโอกาสและภัยคุกคาม
โดยพิจารณาแง่ต่าง ๆ
- การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในเพื่อหาจุดแข็งและจุดอ่อน
- กำหนดวิสัยทัศน์และภารกิจขององค์กรเพื่อกำหนดให้แน่ชัดว่าองค์กรจะมีลักษณะใด
มีหน้าที่บริการอะไร แก่ใคร โดยมีปรัชญาหรือค่านิยมหลักในการดำเนินการเช่นใด
- กำหนดวัตถุประสงค์ขององค์กรในระยะแผนกลยุทธ์
- การวิเคราะห์และเลือกกำหนดกลยุทธ์
แนวทางพัฒนาองค์การ
Strategy Implementation
- การกำหนดเป้าหมายดำเนินงาน
- การวางแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ที่ระบุกิจกรรมต่างๆ
ที่ต้องดำเนินการ
- การปรับปรุงพัฒนาองค์กร
ทั้งด้านโครงสร้างระบบงาน ทรัพยากรบุคคล เป็นต้น
Strategy Control and Evaluation
- การติดตามตรวจสอบผลการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์
- การติดตามสถานการณ์และเงื่อนไขต่าง ๆ
ที่อาจเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งต้องมีการปรับแผนกลยุทธ์
Dynamic e-business strategy model
Business Environment
สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ จึงสามารถแบ่งออกได้เป็น 2
ประเภทหลัก ๆ ด้วยกัน คือ
1.สภาพแวดล้อมภายนอกธุรกิจ (External
Environment) คือ สภาวะแวดล้อมที่ธุรกิจสามารถควบคุมได้
หมายถึง ปัจจัยต่าง ๆ ที่ธุรกิจสามารถกำหนด และ ควบคุมได้เป็นไปตามความต้องการของธุรกิจถือว่าเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อ
โปรแกรมการตลาด โดยการวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนของธุรกิจ
ในการนำไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งขัน
2.สภาพแวดล้อมภายในธุรกิจ (Internal
Environment) คือ ภาวะแวดล้อมที่ธุรกิจไม่สามารถควบคุมได้
ปัจจัยกลุ่มนี้ หมายถึง ปัจจัยยังคับภายนอกธุรกิจที่มีอิทธิพลต่อระบบการตลาด
ถือว่าเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้แต่มีอิทธิพลต่อระบบการตลาด
คือสร้างโอกาสหรืออุปสรรคแก่ธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วย สิ่งแวดล้อมจุลภาค
และสิ่งแวดล้อมมหภาค
การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อการบริหารธุรกิจ
SWOT (SWOT Analysis) เป็นเครื่องมือในการประเมินสถานการณ์ ซึ่งช่วยผู้บริหารกำหนดจุดแข็งและจุดอ่อนจากสภาพแวดล้อมภายใน โอกาสและอุปสรรคจากสภาพแวดล้อมภายนอกตลอดจนผลกระทบที่มีศักยภาพจากปัจจัย เหล่านี้ต่อการทำงานขององค์กร
1.S มาจาก Strengths หมายถึง จุดเด่นหรือจุดแข็ง ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยภายใน เป็นข้อดีที่เกิดจากสภาพแวดล้อมภายในบริษัท เช่น จุดแข็งด้านส่วนประสม จุดแข็งด้านการเงิน จุดแข็งด้านการผลิต จุดแข็งด้านทรัพยากรบุคคล บริษัทจะต้องใช้ประโยชน์จากจุดแข็งในการกำหนดกลยุทธ์การตลาด
2. W มาจาก Weaknesses หมายถึง จุดด้อยหรือจุดอ่อน ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยภายใน เป็นปัญหาหรือข้อบกพร่องที่เกิดจากสภาพแวดล้อมภายในต่างๆ ของบริษัท ซึ่งบริษัทจะต้องหาวิธีในการแก้ปัญหานั้น
3.O มาจาก Opportunities หมายถึง โอกาส ซึ่งเกิดจากปัจจัยภายนอก เป็นผลจากการที่สภาพแวดล้อมภายนอกของบริษัทเอื้อประโยชน์หรือส่งเสริมการ ดำเนินงานขององค์กร โอกาสแตกต่างจากจุดแข็งตรงที่โอกาสนั้นเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมภายนอก แต่จุดแข็งนั้นเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมภายใน นักการตลาดที่ดีจะต้องเสาะแสวงหาโอกาสอยู่เสมอ และใช้ประโยชน์จากโอกาสนั้น
4.T มาจาก Threats หมายถึง อุปสรรค ซึ่งเกิดจากปัจจัยภายนอก เป็นข้อจำกัดที่เกิดจากสภาพแวดล้อมภายนอก ซึ่งธุรกิจจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องและพยายามขจัดอุปสรรค ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ด้วย TOWS
Matrix
1. SO ได้มาจากการนำข้อมูลการประเมินสภาพแวดล้อมที่เป็นจุดแข็งและโอกาส
มาพิจารณาร่วมกัน เพื่อที่จะนำมากำหนดเป็นยุทธ์ศาสตร์หรือกลยุทธ์เชิงรุก
2. ST ได้มาจากการนำข้อมูลการประเมินสภาพแวดล้อมที่เป็นจุดแข็งและอุปสรรค
มาพิจารณาร่วมกัน เพื่อที่จะนำมากำหนดเป็นยุทธ์ศาสตร์หรือกลยุทธ์เชิงป้องกัน
3. WO ได้มาจากการนำข้อมูลการประเมินสภาพแวดล้อมที่เป็นจุดอ่อนและโอกาส
มาพิจารณาร่วมกัน เพื่อที่จะนำมากำหนดเป็นยุทธ์ศาสตร์หรือกลยุทธ์เชิงแก้ไข
4. WT ได้มาจากการนำข้อมูลการประเมินสภาพแวดล้อมที่เป็นจุดอ่อนและอุปสรรค
มาพิจารณาร่วมกัน เพื่อที่จะนำมากำหนดเป็นยุทธ์ศาสตร์หรือกลยุทธ์เชิงรับ
E-environment
Social Factor
สภาวะแวดล้อมทางสังคมเป็น
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคอย่างมาก
เนื่องจากโครงสร้างทางสังคมประกอบไปด้วย ครอบครัว ชุมชน ไปจนถึงระดับประเทศ
ซึ่งในแต่ละสังคมก็จะมีทัศนคติทางสังคม ค่านิยม และวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไป
โดยขึ้นอยู่กับการเปลี่ยน แปลงทางด้านประชากร บทบาทหรือสถาน ภาพของบุคคล
และระดับชนชั้นทางสังคม ภูมิศาสตร์หรือกายภาพรอบ ๆ ธุรกิจ สภาพ ของดิน น้ำ แร่ธาตุ
หรืออากาศ เช่น ภาวะโลก ร้อน ภัยธรรมชาติคลื่นยักษ์สึนามิ (Tsunami) โรคระบาด
Political and Legal Factor
สภาวะแวดล้อมทางการเมืองและกฎหมาย
เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อนโยบายประกอบธุรกิจของประเทศ โดย
เฉพาะประเทศไทยซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลแบบผสมผสานพรรคบ่อยๆ
นักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจะอ่อนไหวกับปัจจัยทางการเมือง
เพราะเกี่ยวข้องกับกฎหมายและมาตรการต่าง ๆ
Economic Factor
สภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจ(Economic) เศรษฐกิจเป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นปริมาณการจัดสรรและการใช้ทรัพยากร
ปัจจัยทางเศรษฐกิจมีแรงผลักดันที่สำคัญต่อการดำเนินงานขององค์กรธุรกิจ
ซึ่งมีปัจจัยที่จะต้องนำมาศึกษาหลายปัจจัย
Technological Factor
สภาวะแวดล้อมทางเทคโนโลยี
ปัจจุบันเป็นยุคความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางและความก้าวหน้าขององค์กรธุรกิจ
เช่น การใช้หุ่นยนต์เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต การใช้ชุดคำสั่ง (Software)
เพื่อช่วยการจัดการทรัพยากรมนุษย์
และการประยุกต์เทคโนโลยีสารสนเทศในการจัดระบบบัญชีให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
การนำเทคโนโลยี เครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัยมาใช้แทนแรงงานของคน
ส่งผลให้องค์กรต้องลดจำนวนพนักงานลงและต้องเพิ่มประสิทธิภาพพนักงานที่เหลือ
มาตรการเหล่านี้จะส่งผลกระทบไปถึงสถานที่ ห้องทำงาน ลักษณะงาน ค่าจ้าง
และสวัสดิการต่าง ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น